Yoshitomo Nara ประวัติ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กรุงเทพฯ ได้ต้อนรับ Yoshitomo Nara ศิลปินป๊อปอาร์ตงานลายเส้นที่มาอินโทรให้กับงาน Bangkok Art Biennale 2018 ด้วยการบรรยายเล่าเรื่องราวชีวิตที่หล่อหลอมให้เกิดงานศิลปะอย่างที่เราเห็นกันชินตาทั่วไปในภาพของเด็กผู้หญิงกับสุนัขสีขาวของเธอ ก่อนที่ผลงานของเขาจะถูกนำมาจัดแสดงในงาน Bangkok Art Biennale ช่วงปลายปีนี้
นาระเกิดในปี 1959 ในเมืองอาโอโมริ ทางภาคเหนือของประเทศญี่ปุ่น คุณพ่อของเขาเป็นคนค่อนข้างมีฐานะ ส่วนคุณแม่เป็นครอบครัวเกษตรกร แต่ถึงกระนั้น เขาก็จะชอบไปเยี่ยมเยือนทางฝั่งบ้านแม่มากกว่า ในช่วงที่เขาเกิดจนกระทั่งเติบโต เป็นช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นยังไม่ถูกพัฒนาอย่างทั่วถึง ความเจริญกระจุกตัวอยู่ในแถบเมืองหลวงอย่างโตเกียว ค่อนลงไปถึงเกาะด้านล่างอย่างคิวชู สืบเนื่องมาจากการจัดงาน World Expo ที่โอซะกะ เกาะทางภาคเหนือของญี่ปุ่นจึงยังคงสภาพความเป็นชนบทอย่างแท้จริง
ชีวิตในวัยเด็กของเขาจึงได้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่รายรอบด้วยข้าวของตามธรรมชาติ ทุกสิ่งหยิบจับหาได้จากท้องถิ่นใกล้บ้าน ชีวิตแบบเรียบง่าย ตอนเด็กๆ เขาไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าตัวเองชอบหรือมีความถนัดอะไร แค่มีเพื่อนๆ บอกว่าเขาวาดรูปได้ดี และการได้รับมอบหมายจากเพื่อนๆ ให้วาดภาพสูงโอเวอร์สเกลสำหรับร่วมงานประเพณีในหมู่บ้านจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาพอรู้ตัวว่าทำงานศิลปะได้ และเข้าศึกษาต่อในด้านศิลปะ
นอกจากงานศิลปะ (ที่ตอนนั้นเขาก็ยังไม่แน่ใจตัวเองว่ารักมากไหม) เขาก็ชอบเดินทางท่องเที่ยว ถึงขั้นนำเงินค่าเทอมชั้นปีที่สองของมหาวิทยาลัยไปท่องเที่ยวในประเทศปากีสถาน นั่นทำให้การเรียนมหาวิทยาลัยแรกไปไม่ถึงฝั่งฝัน เมื่ออายุ 20 จึงกลับเข้ามาเรียนศิลปะต่อที่มหาวิทยาลัยไอจิ และจบจากที่นี่ทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโท หลังจากนั้นเขาก็เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมัน
กลับมาพูดกันถึงเรื่องผลงาน เขาสังเกตตัวเองว่าชอบวาดรูปเด็กผู้หญิงด้วยลายเส้นแบบง่ายๆ มาตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรีแล้ว จนความนึกคิดนำพาให้สานต่อเป็นรูปของเด็กผู้หญิงตาโตคนนี้ หากสืบย้อนกลับไป ลายเส้นง่ายๆ แบบนี้เกิดจากอิทธิพลของมังงะและอะนิเมะ แต่แท้จริงแล้วยังซ่อนปรัชญาอะไรไว้มากมาย นั่นก็มาจากระหว่างที่เขาเติบโตอยู่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และดนตรีพังค์ร็อก ความรู้สึกนึกคิดของเขาจึงอยู่กับเรื่องราวของเสรีภาพ ความบริสุทธิ์ ความไร้เดียงสา จนนเป็นที่มาของความรู้สึกแตกต่างกันที่แฝงอยู่ในตัวของเด็กผู้หญิงคนนี้
นาระจดจำความรู้สึกต่างๆ ในช่วงยังเป็นเด็กได้อย่างแม่นยำ และสภาพแวดล้อมเหล่านั้นส่งอิทธิพลอย่างสูงต่อผลงานของเขา โดยการหยิบยืมสิ่งแวดล้อมและจินตนาการครั้งยังเป็นเด็กมาเป็นผู้ขับเคลื่อนให้ตัวละครเด็กผู้หญิงคนนี้มีชีวิตจิตใจ บางทีเธอก็เกรี้ยวกราด บางทีเธอก็ดูเศร้า บางทีเธอก็ดูซึ้ง แต่ขอให้รู้ว่านั่นคือความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ
ความสัมพันธ์ระหว่างชาวไทยและนาระมีอยู่อย่างแนบแน่น ครั้งหนึ่งในสมัยเกิดซึนามิในประเทศไทย เขาได้นำสุนัขสีขาวขนาดยักษ์ทำจากไฟเบอร์กลาสมาตั้งไว้ริมหาดป่าตอง และตั้งชื่อมันว่า Phuket Dog เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับเหยื่อจากเหตุการณ์ซึนามิ และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่ทำให้หาดป่าตองกลับมาฟื้นคืนชีพและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง นับเป็นการใช้งานศิลปะเพื่อฟื้นฟูชีวิตและจิตใจของมนุษย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม
ปัจจุบัน นาระยังคงถูกรับเชิญให้ไปแสดงงานของตัวเองทั่วโลกในหลากหลายประเภทชิ้นงาน ไม่ว่าจะเป็นงานเพ้นติ้ง หรืองานประติมากรรม แต่ถ้าหากมีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นและอยากชมผลงานของนาระให้จุใจ แนะนำให้ไปที่ Aomori Museum of Art พิพิธภัณฑ์ศิลปะในบ้านเกิดของเขา ซึ่งรวบรวมผลงานโดยนาระกว่า 120 ชิ้น หรือถ้ายังไม่มีแพลนไปที่ไหน อดใจรอปลายปีนี้ ที่กรุงเทพฯ นาระจะกลับมาพร้อมผลงานของเขาเพื่อจัดแสดงในงาน Bangkok Art Biennale โดยเฉพาะ
เรื่อง : skiixy
อ่านต่อกิจกรรมอื่นๆ และทำความรู้จักศิลปินท่านอื่น : Bangkok Art Biennale2018 “สุขสะพรั่ง พลังอาร์ต” (Beyond Bliss)
“หวง หย่ง ผิง” ศิลปินด้วย ผู้มี Passion อันแรงกล้าต่อการแสดงทัศนะต่อต้านลัทธิสังคมนิยม และขนบศิลปะทางการของจีนทำความรู้จัก “ชเว จอง ฮวา” หนึ่งในศิลปิน “BAB2018” ผ่านศิลปะที่มีหัวใจหลักเป็นผู้ชม3 งาน Installation สุดเจ๋งจาก Elmgreen & Dragset ศิลปินผู้ไม่เคยเรียนด้านศิลปะ
รู้จัก ‘เฮริ โดโน’ ศิลปินชาวอินโดนีเซีย ก่อนรอชมผลงานใน Bangkok Art Biennale 2018