หลังจากที่ได้ดูซีรีย์ ฮิตๆ อย่าง Descendants of the Sun ฉากที่นางเอกจุดเทียนสร้างบรรยากาศในเดทแรก พร้อมกับบอกกัปตันยูชีจินว่า “อย่าย้ายเทียนนะ ผู้หญิงจะสวยต้องมีไฟส่อง ฉันอุตส่าห์กะระดับสายตาของคุณยูชีจินแล้ว” เราติดใจเทียนหอมที่นางเอกจุดเสียเหลือเกิน
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีโอกาสไปเดินเล่นที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ขณะเดินผ่านหน้าร้านร้านหนึ่งก็ได้กลิ่นหอมลอยมา รู้สึกตัวอีกทีก็เข้ามายืนสูดกลิ่นหอมในร้านขายเทียนเสียแล้ว แถมยังรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ ทั้ง ๆ ที่อากาศในวันนั้นร้อนสุด ๆ เรียกได้ว่าหลงเสน่ห์ในกลิ่นหอมจนอยากรู้เคล็ดลับการเลือกซื้อเทียนขึ้นมาทันที และก็ถือว่าเป็นโชคดีมากที่เราได้เจอคุณสมมารถ พิทักษ์กิ่งทอง เจ้าของร้าน Karmakamet เราจึงได้ความรู้และเคล็ดลับในการซื้อ “เทียนหอม” มาฝากทุกคนค่ะ
รู้สักนิดก่อนซื้อ
เทียนหอมทำมาจากพาราฟินและไขผึ้ง โดยนำส่วนผสมทั้งสองมาหลอมรวมกัน เติมสี และน้ำมันหอมระเหยลงไป เสร็จแล้วนำไปพิมพ์ ปั้น หรือหล่อให้มีรูปทรงตามต้องการนอกจากนี้ผู้ผลิตยังนิยมบรรจุเทียนหอมลงในภาชนะสวย ๆ ใช้เป็นของแต่งบ้านได้ด้วยเราสามารถแบ่งเทียนที่พบเห็นทั่วไปออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
01 เทียนที่มีลักษณะเปลือย (Pillar Candle) หรือเทียนแฟนซีต่าง ๆ ให้กลิ่นไม่ชัดเจนเนื่องจากใส่กลิ่นแค่ 0.5 – 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนใหญ่นิยมนำไปประดับตกแต่งสร้างบรรยากาศให้มุมต่าง ๆ ดูสวยงามขึ้น
02 เทียนที่บรรจุอยู่ในขวดแก้ว กระปุก หรือกระป๋อง ให้กลิ่นหอมมากและอบอวลไปทั้งห้อง นิยมใส่กลิ่น 3 – 15 เปอร์เซ็นต์ (ขึ้นอยู่กับราคาและคุณภาพของเทียน)
TIP : ขี้ผึ้งและไส้เทียน (Wax and Wicks) ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติอย่างเทียนน้ำมันถั่วเหลืองมีขั้นตอนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าเทียนที่ผลิตจากพาราฟิน ที่สำคัญคือปลอดสารพิษ เช่นเดียวกับไส้เทียนที่มีคุณภาพจะเกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ ทำให้เทียนหลอมละลายเท่ากันรอบด้านจนถึงฐาน การเลือกซื้อเทียนหอมสามารถดูจากภาพรวมของราคา สี กลิ่น เนื้อเทียนไม่มีฟองอากาศอยู่ข้างใน เป็นมันเงา จุดแล้วไม่มีควัน มีกลิ่นหอม และมีน้ำตาเทียนน้อย (บางยี่ห้ออาจแทบไม่มีเลย) เวลาเผาไหม้จะเผาไหม้อย่างช้า ๆ สามารถจุดได้นาน มีกระแสคลื่นความเย็น (Cold Throw) ให้กลิ่นหอมชวนผ่อนคลาย
เคล็ดไม่ลับในการเลือกซื้อเทียนหอม
01 พิจารณาจากราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพและความหอม จุดต่างของเทียนหอมแต่ละ แบบอยู่ที่คุณภาพและการให้ความหอมที่ยาวนาน แต่ทั้งนี้เทียนที่มีคุณภาพดีก็มักมาพร้อมกับราคาที่แพงตามไปด้วย
02 ควรเลือกซื้อจากร้านเครื่องหอมที่มีความน่าเชื่อถือ ที่สำคัญ ควรมีบรรจุภัณฑ์ที่ดีเพื่อเก็บรักษาคุณภาพของเทียนให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น
03 เลือกจากพื้นที่ใช้งานและประโยชน์ใช้สอย เช่น หากต้องการใช้ในห้องน้ำเพื่อดับกลิ่นอับ แนะนำให้เลือกเทียนที่ให้กลิ่นหอมสะอาดสดชื่น เช่น กลิ่น White Grapefruit ถ้าต้องการใช้ในห้องนอนเพื่อสร้างบรรยากาศโรแมนติก ควรใช้กลิ่นที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เย้ายวน อย่างกลิ่นดอก Lilac และหากต้องการใช้ในที่ทำงานเพื่อสร้างความรู้สึกกระปรี้กระเปร่ากระฉับกระเฉง กลิ่นที่น่าสนใจคือกลิ่นที่ให้ความสดชื่นเย็นสบายอย่าง Rosemary หรือ Peppermint
04 เลือกจากความหอมและความแรงของกลิ่น แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
• กลิ่นระดับบน คือ กลิ่นที่ค่อนข้างฉุนแรง ได้แก่ กลิ่นประเภทผลไม้และสมุนไพร เช่น กลิ่น Lemon และ Lemongrass
• กลิ่นระดับกลาง คือ กลิ่นนุ่มนวล หวานหอม ได้แก่ กลิ่นดอกไม้และผลไม้บางชนิด เช่น กลิ่น Pomegranate และ Honey Suckle
• กลิ่นระดับล่าง คือ กลิ่นอบอุ่น หอมเอื่อย ได้แก่ กลิ่นสมุนไพรและไม้หอม เช่นกลิ่น Cedarwood และ Tobacco
05 เลือกกลิ่นตามโอกาสพิเศษหรือให้เป็นของขวัญ แนะนำกลิ่นดอกไม้หรือผลไม้ เช่น กลิ่นดอก Frangipani, Orange Blossom และ Lavender
กลิ่นหอมยอดนิยม
Citrus : กลิ่นหอมสดชื่นประเภทพืชตระกูลส้มและมะนาว แนะนำให้ลองใช้กลิ่น Lemon Blossom และ Pomelo
Fruity : กลิ่นหอมเปรี้ยวอมหวาน สะอาด สดชื่น จาก ผลไม้ประเภทพีชหรือเกรปฟรุต แนะนำกลิ่น Cranberry, Autumn และ Red Peach
Floral : กลิ่นหอมหวานนุ่มนวลของดอกไม้ เช่น กลิ่นMoroccan Otto of Rose, Mimosa
Herb & Spicy : กลิ่นหอมของเครื่องเทศและสมุนไพรอย่าง ตะไคร้และขิง ที่ให้กลิ่นหอมชัดเจน โดดเด่น เผ็ดร้อน ขอแนะนำให้ใช้กลิ่น Tomato and Holy Basil หรือ Dill
Woody : กลิ่นหอมนุ่มอบอุ่นลึกซึ้ง ให้อารมณ์แบบธรรมชาติ แนะนำกลิ่น East Indian Sandalwood
Et Cetera : กลิ่นต่าง ๆ ที่นำมาผสมใหม่ให้เกิดเป็นกลิ่นหอมพิเศษ มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร เช่น กลิ่น Siamese Jasmine Rice, White Musk และ Tobacco
ข้อแนะนำในการจุดเทียนหอม
01 หากจุดเทียนหอมแบบก้อน ควรวางเทียนในภาชนะแก้วใส มีพื้นที่พอเพียงสำหรับเปลวเทียนและน้ำตาเทียน
02 ควรจุดในพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก ส่วนความถี่ในการจุดใน 1 วันควรจุดเทียนหอมประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้วไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกินไป ควรปล่อยให้ร่างกายได้มีโอกาสปรับสมดุล และให้จมูกได้มีโอกาสสูดดมกลิ่นสะอาด ๆ จากธรรมชาติบ้าง
03 ไม่ควรวางเทียนไว้ใต้เครื่องปรับอากาศ เนื่องจากเครื่องปรับอากาศโดยทั่วไปมักมีเครื่องฟอกอากาศ ฟอกกลิ่นหอมให้หายไปหมด ทำให้เรารื่นรมย์กับกลิ่นหอมได้ไม่เต็มที่
04 หากเปลวเทียนไม่สวยหรือมีควัน อาจมีสาเหตุมาจากไส้เทียนยาวเกินไป จึงควรเล็มไส้เทียนให้มีความยาวไม่เกิน 5 มิลลิเมตรเพื่อไม่ให้เกิดควัน และควรหมั่นจัดไส้เทียนให้อยู่กลางภาชนะเพื่อให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์
05 ควรวางเทียนไว้ต้นลมให้กลิ่นหอมพัดไปหาผู้ใช้ได้เต็มที่
06 ใช้ฝาแก้วในการดับเทียนเพื่อไม่ให้เกิดควัน
07 เทียน 1 กระปุก (ในที่นี้หมายถึงเทียนที่บรรจุในแก้ว) เหมาะสำหรับใช้ในห้องขนาดไม่เกิน 20 – 25 ตารางเมตร
08 เมื่อใช้เสร็จแล้วควรปิดฝาให้สนิท เก็บให้พ้นจากแสงแดด และความร้อน เทียนหอมมีอายุการใช้งานประมาณ 2 – 3 ปี หลังจากเปิดแล้วควรใช้ให้หมดภายใน 1 ปี
TIP : มิกซ์แอนด์แมตช์กลิ่นเทียนหอม
• หากต้องการกลิ่นหอมสดชื่น สะอาด กระปรี้กระเปร่า ควรเลือกเทียนกลิ่นผลไม้และสมุนไพรจุดผสมกัน เช่น กลิ่น Lemon Blossom ผสมกับ Rosemary
• หากต้องการกลิ่นหอมโรแมนติก เย้ายวน ชวนฝัน ควรเลือกจุดเทียนที่มีกลิ่นหอมจากเหล่าดอกไม้ แก่นไม้ หรือเครื่องเทศ เช่นผสมกลิ่น Frangipani, Mimosa และ Vanilla เข้าด้วยกัน
• หากต้องการกลิ่นที่อบอุ่น ผ่อนคลาย สงบ ควรเลือกผสมกลิ่นสมุนไพร เครื่องเทศ และแก่นไม้ เช่น จุดเทียนกลิ่น Cedarwoodผสมกับ Ginger หรือ Rosewood
เรื่อง Kirakira ภาพ นันทิยา บุษบงค์
สไตล์ ประไพวดี โภคสวัสดิ์
ภาพประกอบ คณาธิป จันทร์เอี่ยม
เรียบเรียง Parichat K.
ขอบคุณข้อมูลและสถานที่ คุณสมมารถ พิทักษ์กิ่งทอง ร้านเครื่องหอมคาร์มาคาเมต (Karmakamet) ชั้น 1 เมกาบางนา โทร. 0-2105-1636 www.karmakamet.co.th www.facebook.com/karmakamet