room, Author at room - Page 22 of 26

“เป็นส่วนตัว-ลดแพร่เชื้อ” ตอบรับแนวทาง Social Distancing ของร้านอาหารอินเดียในยุคโควิด-19

Renesa Architecture Design Interiors สตูดิโอออกแบบสัญชาติอินเดีย นำเสนอการออกแบบสถาปัตยกรรมล่าสุดของพวกเขา กับรูปแบบร้านอาหารเวียดนามในกรุงนิวเดลี ให้ปลอดภัยและตอบสนองต่อนโยบายป้องกัน โควิด-19 ท่ามกลางการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ไปทั่วโลก รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนโดยเฉพาะพื้นที่สาธารณะอย่างร้านอาหาร ได้ถูกตั้งคำถามว่าจะปรับตัวอย่างไรให้เข้ากับยุคโควิด ที่ผู้คนจำเป็นต้องเว้นระยะห่างทางสังคม นักออกแบบหลาย ๆ คนจึงต้องให้ความสำคัญและหาทางแก้ปัญหาทางสถาปัตยกรรมที่เหมาะสม เพื่อช่วยตอบสนองต่อนโยบายลดการแพร่ระบาดของโรคติดต่อนี้ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน และสำหรับสตูดิโอออกแบบสัญชาติอินเดียรายนี้ ซึ่งรับหน้าที่ออกแบบร้านอาหารเวียดนามสาขานี้ในอินเดีย พวกเขาตอบสนองต่อการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างจริงจัง ผ่านผลงานในชื่อ “Social with Distancing” การออกแบบร้านอาหารแห่งนี้ เป็นการนำบรรยากาศความคึกคักตามตรอกซอกซอยในเวียดนามมาออกแบบ ร่วมกับวัสดุอย่าง ไม้ อิฐ สังกะสี ประตูเหล็กยืด ฯลฯ ซึ่งเป็นวัสดุที่บ่งบอกถึงสถาปัตยกรรมของเวียดนาม พร้อมกับแทรกด้วยเหล่าพรรณไม้เขตร้อนสีเขียวสด ตัดสลับกับสีน้ำตาลของโครงสร้างและเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ดูอบอุ่น ขณะที่มาตรการที่ใช้ในร้านเพื่อป้องกันโรคโควิด นอกจากพนักงานจะต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา และมีตารางการทำความสะอาดที่บ่อยครั้งขึ้นแล้ว สิ่งสำคัญคือการออกแบบพื้นที่แบบ Social Distancing เห็นได้จากการเว้นช่องทางเดินทุก ๆ 6 ฟุต หรือ 2 เมตร เพื่อลดความแออัด ขณะเดียวกันก็มีมุมนั่งรับประทานอาหารที่หลากหลายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นมุมรับประทานอาหารสองชั้นที่สับหว่างที่นั่งกันแบบเว้นระยะ ระหว่างชั้นหนึ่งกับชั้นสอง […]

บ้านอิฐ

P HOUSE บ้านอิฐดินเผา ที่เย็นสบายด้วยวัสดุและแนวคิดแบบยั่งยืน

โปรเจ็กต์การออกแบบ บ้านอิฐดินเผา ในนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม พร้อมโจทย์การออกแบบที่อยู่อาศัยแบบยั่งยืน ผ่านการเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติ เช่นเดียวกับการออกแบบพื้นที่เพื่อให้ธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต P House หรือ บ้านอิฐดินเผา หลังนี้ เป็นผลงานการออกแบบของ T H I A architecture ซึ่งมาพร้อมกับโจทย์ที่สร้างความท้าทายให้แก่สถาปนิกไม่น้อย เนื่องจากทำเลที่ตั้งมีความกว้างแค่เพียง 4.3 x 15 เมตร แถมยังถูกขนาบข้างด้วยอาคารเพื่อนบ้านและโรงงานเก่าทั้งสองด้าน ทำให้มีช่องเปิดมีอยู่แค่เฉพาะพื้นที่ด้านหน้าและด้านหลังเท่านั้น การออกแบบจึงต้องเน้นย้ำเรื่องความปลอดโปร่งและแสงสว่างเป็นสำคัญ สถาปนิกจึงได้จัดการแก้ปัญหาทางกายภาพของที่ตั้ง ไปพร้อมกับการเน้นใช้วัสดุที่มีความยั่งยืน โดยส่วนใหญ่เป็นวัสดุทำมาจากธรรมชาติไร้การปรุงแต่ง เช่น อิฐ ไม้ และคอนกรีต ซึ่งสัมพันธ์กับธรรมชาติและสภาพภูมิอากาศ ช่วยให้บ้านมีทั้งความสวยงามและอยู่สบาย รูปลักษณ์ของอาคารมีจุดโดดเด่นคือ เปลือกอาคารอิฐดินเผาสีส้ม ที่ออกแบบให้มีระยะยื่นออกจากตัวบ้าน เพื่อไม่ให้แดดส่องเข้ามาถึงภายในบ้านโดยตรง อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นราวระเบียงและแผงกันแดดที่มีการจัดเรียงอิฐเป็นแพตเทิร์นง่าย ๆ โดยในวันอากาศดีสามารถเปิดผนังกระจกบานเลื่อนที่ซ้อนอยู่หลังระเบียงของแต่ละชั้นออกได้จนสุด เพื่อให้ลมพัดพานำความเย็นสบายและถ่ายเทความร้อน ขณะที่สีส้มของอิฐดูตัดกับใบไม้สีเขียวของพรรณไม้เลื้อยที่ห้อยระย้าลงมาจากระเบียงหลังคาเหนือพื้นที่จอดรถ ช่วยให้เกิดมุมมองที่สดชื่นสบายตา ลดความแข็งกระด้างจากวัสดุและอาคารทรงเหลี่ยมได้เป็นอย่างดี เมื่อเข้ามาภายในตัวบ้าน ชั้น 1 จะพบกับลานโล่งที่เชื่อมต่อกับคอร์ตสวนหลังบ้าน ก่อนจะขึ้นมาที่ชั้น 2 ชั้นนี้ประกอบด้วยมุมโซฟาสำหรับพักผ่อน โต๊ะรับประทานอาหาร […]

โฮมออฟฟิศ

NATURA BUILDING อาคารมิกซ์ยูสที่ดึงธรรมชาติเข้ามาช่วยสร้างสรรค์พื้นที่ชีวิต

อาคาร NATURA Building ของกลุ่มสถาปนิก  Diez+Muller Arquitectos จากประเทศเอกวาดอร์ เกิดขึ้นจากการสร้างสรรค์อาคารสำนักงานแบบมิกซ์ยูสที่เน้นการมีส่วนร่วมระหว่างสิ่งแวดล้อม เพื่อการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพนักงาน ออกแบบสถาปัตยกรรม: Diez+Muller Arquitectos ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม : Clemencia Echavarria ที่ตั้งของอาคาร Natura Building นั้น อยู่ห่างจากกีโต เมืองหลวง เป็นระยะทาง 24 กิโลเมตร และเป็นพื้นที่ที่กำลังพัฒนาเป็นแถบที่อยู่อาศัย โจทย์ทางบริบทที่สำคัญของอาคารแห่งนี้จึงอยู่ที่สภาพภูมิอากาศแบบพิเศษอันเนื่องมาจากพื้นที่ตั้งที่อยู่ในเขตภาคพื้นดินที่เป็นภูเขาซึ่งมีระดับต่ำกว่าตัวเมือง และรูปแบบการใช้ชีวิตที่ต้องเดินทางจากบ้านมาถึงที่ทำงาน ซึ่งมีความยากทั้งในเรื่องระยะทาง รูปแบบการเดินทาง มลภาวะ จำนวนผู้คนในชุมชนขยาย ซึ่งส่งผลไปสู่การขาดแคลนบริการที่จำเป็น โจทย์จึงอยู่ที่การทำให้อาคารแห่งนี้เป็นทั้งบ้านและที่ทำงานในพื้นที่เดียวกัน รวมทั้งข้อสำคัญคือ ต้องใกล้ชิดธรรมชาติ และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเมือง จากสภาพแวดล้อมของผืนที่ดินเดิมอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณดั้งเดิมของพื้นที่ที่อยู่มาหลายทศวรรษ ตัวอาคาร 3 ชั้น ขนาด 2,500 ตารางเมตร แห่งนี้ จึงพยายามออกแบบให้กลมกลืนกับบรรยากาศของพื้นที่เดิม ให้ความเคารพกับต้นไม้เดิมในพื้นที่ และยังมองไปเผื่ออนาคตหากมีเพื่อนบ้านรายล้อมด้วยการใช้อาคารเป็นตัวกำหนดขอบเขตอย่างชัดเจนให้กับที่ดิน บริบทอีกประการที่สำคัญของผืนที่ดินคือ ระดับของที่ดินแบบสโลปตามแนวยาวของรูปแบบที่ดิน ตัวอาคารจึงเล่นระดับตามธรรมชาติของพื้นที่ นัยหนึ่งเพื่อรักษาความเป็นธรรมชาติของพรรณไม้เก่าแก่ ไปพร้อมกับการสร้างประสบการณ์การใช้พื้นที่ภายในอาคารที่แตกต่างจากปกติ ส่วนหน้าสุดของอาคารเปิดต้อนรับด้วยบันไดและฟาซาดระนาบแนวนอน ทำหน้าที่ต้อนรับผู้คนเข้าไปสู่พื้นที่ภายในอาคารส่วนแรกซึ่งเป็นลานกว้าง ทำหน้าที่เป็นส่วนกลางเชื่อมต่อทุกพื้นที่ของอาคารเข้าไว้ด้วยกัน […]

เอฟ.วี คาเฟ่กึ่งแกลเลอรี่ย่านทรงวาด ที่มีเรือนไทยอีสานกลางตึกแถว

เอฟ.วี (F.V) ตั้งอยู่ในตึกแถวย่านทรงวาด ที่นี่คือคาเฟ่กึ่งแกลเลอรี่ที่ไม่ลับแต่ซับซ้อนและน่าค้นหามากที่สุดแห่งหนึ่งในย่านนี้ ด้วยแนวความคิดที่จะพัฒนาต่อยอด “สิ่งที่ไม่มีใครต้องการหรือมองข้าม” อย่างทรัพยากรจากผืนดิน น้ำ หรือพืชพรรณธัญญาหารของไทย เพื่อสร้างสรรค์ความเป็นไปได้ใหม่ พร้อมสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และเป็นส่วนหนึ่งของรากฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืน . แนวคิดการก่อตั้ง เอฟ.วี เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2559 หรือในช่วงหลังการเสด็จสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้คุณโอภาส จันทร์คำ เจ้าของโครงการต้องการที่จะสานต่อความดี และทำให้ที่นี่กลายเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาความยั่งยืนให้เเก่ประเทศไทย จากความตั้งใจนี้ได้รับการส่งต่อให้กับทีมบริหารโครงการที่หวนกลับไปพิจารณาถึงทรัพยากรอันล้ำค่าในบ้านเรา นั่นก็คือดิน น้ำ และพืชพรรณธัญญาหารทั้งหลาย ที่แม้จะสำคัญมากขนาดไหน แต่ทรัพยากรเหล่านี้กลับถูกเพิกเฉยด้านการให้คุณค่า จึงเป็นที่มาของแนวคิดการออกแบบ “UNWANTED” ที่พยายามดึงสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่มีใครต้องการกลับมาสร้างคุณค่าให้กับตัวเองและชุมชนต่อไป F.V หรือ Fruit and Vegetable คือชื่อของร้านที่ต้องการแสดงถึงความตรงไปตรงมาเพื่อสื่อถึงผลิตภัณฑ์ผ่านการตั้งใจเลือกสรรพืชพรรณต่าง ๆ ที่ดีต่อสุขภาพ ทั้งผัก และผลไม้ที่หาได้ทั่วไปตามฤดูกาลมาสร้างคุณค่า และความหมายในรูปแบบที่ตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์ผู้คนยุคปัจจุบัน ผ่านการวิจัยอย่างเป็นระบบและได้มาตรฐาน เพื่อให้ได้สัดส่วนของส่วนประกอบที่มีประโยชน์ต่อร่างกายลูกค้า โดยมีเมนูยอดฮิตอย่างชาไมยราบ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้หลับสบาย และมะกรูดเชื่อม สมุนไพรขึ้นชื่อของไทยที่มีกลิ่นหอมชวนผ่อนคลาย นอกจาก 2 เมนูนี้เเล้วยังมีเครื่องดื่ม […]

เพ้นต์เฮ้าส์สไตล์อินดัสเทรียลของหนุ่มโสด เพิ่มเติมลูกเล่นสนุก ๆ แนวไซไฟ

ดึงแพสชั่นของหนุ่มโสดอารมณ์ติสต์ มาสะท้อนผ่านการออกแบบเพ้นต์เฮ้าส์ส่วนตัวให้มีบรรยากาศดิบเท่ สไตล์อินดัสเทรียล ที่แอบแทรกดีเทลสนุก ๆ สุดโฉบเฉี่ยว ชวนให้นึกถึงยานอวกาศ Ecopark Penthouse ห้องพักหรูขนาด 180 ตารางเมตร บนชั้น 33 ของคอนโดมิเนียมสูงระฟ้าในเวียดนาม บอกเล่าไลฟ์สไตล์ของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของ ผ่านการตกแต่ง สไตล์อินดัสเทรียล สุดเท่ที่ถูกฉาบไล้ไปทั่วทุกอณู เพิ่มความไม่ธรรมดาด้วยดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ชวนให้นึกถึงหนังแนวไซไฟ ร่วมด้วยของสะสมที่บ่งบอกความสนใจและกิจกรรมตามแบบฉบับของชายหนุ่ม ซึ่งกลายมาป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบตกแต่งห้องพักแห่งนี้ให้น่าอยู่ และพรั่งพร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานไม่ต่างจากบ้านหลังใหญ่ ๆ ด้วยความที่เจ้าของเป็นคนที่ชื่นชอบงานศิลปะ เขาจึงต้องการที่พักที่มีบรรยากาศเหมือนสตูดิโอที่ประดับตกแต่งด้วยเหล่างานศิลป์ และสิ่งของที่บอกเล่าไลฟ์สไตล์ความชื่นชอบของตนเอง Lê house สตูดิโอผู้ออกแบบ จึงจับสไตล์อินดัสเทรียลที่เน้นพื้นผิวของวัสดุดิบเท่อย่าง ผนังคอนกรีต อิฐ และเหล็กที่เป็นสนิม มาผสานเข้ากับดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดูโมเดิร์นทันสมัยแนวมิลเลนเนียม หรืออวกาศล้ำ ๆ เช่น ของใช้ที่มีพื้นผิวมันวาวจากสเตนเลส ขาโต๊ะดีไซน์โฉบเฉี่ยวเหมือนขายานอวกาศ(ในจินตนาการ) ฯลฯ ภายใต้สเปซโปร่งโล่ง ไม่อึดอัด เนื่องจากห้องมีระดับฝ้าเพดานที่สูง สถาปนิกจึงสามารถออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้เป็น 2 ส่วน คือ ชั้นล่าง […]

บ้านคอนกรีตเปลือย สลับผนังอิฐดินเผา โชว์เสน่ห์ลอฟต์บนเกาะบาหลี

Uma Bulug Guest House บ้านคอนกรีตเปลือย ขนาดสองชั้นที่ตั้งอยู่บนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย สร้างขึ้นบนพื้นที่ 200 ตารางเมตร กับดีไซน์ที่เอื้อต่อการพักอาศัยในสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น ท่ามกลางวิวทุ่งนาแบบขั้นบันไดและสวนมะพร้าว โดดเด่นด้วยตัวอาคารคอนกรีตเปลือยแบบยกใต้ถุนสูง พร้อมสร้างสรรค์แพตเทิร์นการเรียงอิฐดินเผาจนกลายเป็นฟาซาดที่สวยงามมีมิติ ยอมให้แสงธรรมชาติลอดผ่านเข้ามาได้ในเวลากลางวัน และยอมให้แสงไฟจากตัวบ้านทะลุผ่านออกมาในยามค่ำคืน ดูสุกสว่างกลางฉากหลังท้องฟ้าสีดำ ขับเน้นให้มองเห็นลวดลายของผนังอิฐอย่างชัดเจน บ้านคอนกรีตเปลือย จากแนวรั้วบล็อกช่องลมหน้าบ้านที่มีระดับความสูงมากพอ สำหรับปิดกั้นสายตาจากผู้คนภายนอก ไม่ให้มองเห็นการใช้งานบริเวณพื้นที่ชั้นล่างชัดเจนเกินไป เมื่อเข้ามาด้านใน Biombo Architects ตั้งใจออกแบบพื้นที่ใช้งานชั้นล่างให้ดูปลอดโปร่งแบบไร้ผนังกั้น ทั้งนี้ก็เพื่อเปิดรับลมและอากาศบริสุทธิ์ที่เหมาะกับการพักผ่อนได้รอบทิศทาง ซึ่งประกอบด้วยมุมพักผ่อนร่วมกันอย่าง โต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ และมุมนั่งเล่นแบบบิลท์อินจากคอนกรีตเปลือย เปิดมุมมองออกสู่วิวสระว่ายน้ำเบื้องหน้าซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่ โดยสถาปนิกเลือกออกแบบสระว่ายน้ำให้มีรูปทรงออร์แกนิก และสีของน้ำที่ดูราวกับน้ำทะเลริมชายหาดที่ใสสะอาด ตัดกับรูปทรงของอาคารเกสต์เฮาส์ที่เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส รอบ ๆ สระปลูกพรรณไม้เขตร้อน เพื่อสร้างความร่มรื่นและร่มเงาให้แก่เตียงนอนอาบแดด   ขณะที่ชั้นบนออกแบบให้มีพื้นที่ยื่นยาวออกมาคลุมครึ่งหนึ่งของสระว่ายน้ำ เพื่อให้เกิดมุมมองภายนอกที่ดูเหมือนอาคารลอยอยู่เหนือน้ำ อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นหลังคาให้แก่พื้นที่ใช้งานชั้นล่างไปในตัว ชั้นสองประกอบด้วยห้องนอน 2 ห้อง ซึ่งตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ พื้นหินขัด Terrazzo เพดานกรุฝ้าไม้อัดสีเข้ม ผนังหัวเตียงเป็นคอนกรีตเปลือย ส่วนอีกฝั่งเป็นผนังอิฐดินเผาที่ให้แสงส่องเข้ามาได้ โดยมีกระจกใสและม่านซ้อนอยู่อีกชั้น จัดวางของตกแต่งและโคมไฟที่ส่วนใหญ่เป็นงานหัตถกรรมของบาหลี บอกเล่าวัฒนธรรมท้องถิ่นผ่านการพักผ่อน ภายในที่พักที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเอง […]

STEPPING PARK HOUSE ไม่ต้องไปสวนสาธารณะก็พักผ่อนได้ ใต้ร่มไม้สีเขียวกลางบ้านส่วนตัว

บ้านโมเดิร์น ที่ยอมให้ต้นไม้บุก! ทะลักออกมาจากด้านใน กับงานออกแบบที่เอาใจคนอยู่ผู้รักต้นไม้เป็นชีวิตจิตใจ แบบไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล ก็สามารถโอบกอดต้นไม้ได้จากในบ้าน ให้ธรรมชาติขยับเข้ามาใกล้ตัวในระยะประชิด บำบัดจิตใจให้สุขสงบ ต่างจากบรรยากาศเมืองที่แสนวุ่นวายภายนอก จากเหตุผลที่สวนสาธารณะในโฮจิมินห์มีน้อย และไม่เพียงพอต่อความต้องการสักเท่าไหร่ ดังนั้นเพื่อเอาใจเจ้าของบ้านผู้รักธรรมชาติเป็นชีวิตจิตใจ VTN Architects(Vo TrongNghia Architects) จึงออกแบบ บ้านโมเดิร์น ที่ตั้งอยู่กลางย่านที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ของเมืองโฮจิมินห์นี้ ให้เป็นอาคารที่ราวกับปลูกครอบอยู่กลางดงไม้สีเขียว แบบไม่ต้องออกไปไหนไกล ก็สามารถมีความสุขอยู่ท่ามกลางธรรมชาติในบ้านได้ทั้งวัน ความเขียวปะทะสายตาตั้งแต่แรกเห็น กับช่องหน้าต่างสี่เหลี่ยมที่ถูกปกคลุมด้วยม่านไม้เลื้อย ตัดกับตัวอาคารโมเดิร์นสีขาวทรงกล่องขนาด 3 ชั้น และเมื่อเข้ามาด้านในตัวบ้าน พื้นที่ชั้น 1 จะพบกับโถงพักผ่อนที่รวมมุมนั่งเล่นและส่วนรับประทานอาหารเข้าด้วยกันแบบโอเพ่นสเปซ ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับสวนภายนอกผ่านบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ที่เปิดออกได้จนสุด มีไฮไลท์คือต้นไม้ที่แทรกตัวอยู่กลางบ้าน แผ่เรือนยอดสูงชะลูดขึ้นไปตามความสูงของบันไดที่ออกแบบเป็นโถงดับเบิ้ลสเปซต่อเนื่องขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด ชั้น 2 ประกอบด้วยห้องนอนส่วนตัวที่อยู่คนละฝั่งระหว่างช่องบันได ขณะที่ทางเดินหน้าห้องยังไม่ลืมปลูกต้นไม้ไว้ด้วย เรียกว่าต้นไม้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบ้านในทุก ๆ ชั้น ภายในห้องนอนออกแบบช่องเปิดของแต่ละห้อง ให้ปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อยที่พร้อมเกาะไปตามแนวลวด กลายเป็นม่านธรรมชาติสีเขียวสดที่ช่วยพรางสายตาไปในตัว ดังนั้นเมื่อมองจากภายนอกจึงทำให้เห็นช่องหน้าต่างเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวที่แข่งกันเติบโต โผล่พุ่งออกมาจากตัวบ้านดูแปลกตาต่างจากบ้านใกล้เคียง ส่วนสุดท้ายคือชั้น 3 พื้นที่ชั้นนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่คล้ายกับป่า แม้จะอยู่ในร่มก็ตาม การปลูกต้นไม้ในชั้นบนของบ้านให้ความรู้สึกแบบกึ่งเอ๊าต์ดอร์ รอบ ๆ ทั้งลมและอากาศสามารถพัดผ่านได้สะดวก ขณะที่ด้านบนมุงด้วยหลังคาทำจากวัสดุโปร่งแสง […]

NAN BEI ร้านอาหารจีนที่เจือกลิ่นอายโมเดิร์นวินเทจสุดฟู่ฟ่ากลางใจเมือง

ห้องอาหารจีนบนโรงแรมหรูใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนิทานพื้นบ้านของจีนเรื่อง “หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า” ตำนานความรักต้องห้ามระหว่างหนุ่มเลี้ยงวัวบนโลกมนุษย์กับสาวทอผ้าในดินแดนสวรรค์ ที่มีทางช้างเผือกเป็นสะพานเชื่อมทั้งสองให้ได้มาพบกัน Nan Bei “Nan Bei” ที่ได้ชื่อร้านมาจากภาษาจีน “Nan” ที่แปลว่าทิศเหนือ กับ “Bei” ที่แปลว่าทิศใต้ ได้นำเสนอเรื่องราวนิทานผ่านการจัดวางผังร้านที่เน้นความสมมาตร และการออกแบบห้องแต่ละห้องให้พ้องกับเรื่องเล่าในนิทาน เริ่มจากส่วนต้อนรับ ที่แขกจะพบกับโซน “Moon Gate” เป็นมุมถ่ายรูปหน้าโถงกระจกห้อยประดับด้วยงานออกแบบแสงระยิบระยับเป็นตัวแทนของจักรวาลพระจันทร์ที่กั้นช่องทางเดินแบ่งเป็น 2 ฝั่งที่จะนำพาไปสู่ส่วนหลักของร้านอาหารภายในอันจะพบกับครัวโชว์ ที่แบ่งตามคอนเซ็ปต์ร้านอย่างชัดเจน เช่น ทิศเหนือ เป็นที่ครัวที่เสิร์ฟเป็ดปักกิ่งและบรรดาอาหารย่าง ในขณะที่ทิศใต้จะเสิร์ฟอาหารทะเลในนี้ออกแบบให้มีที่นั่ง Long Table ตรงกลาง และบาร์ประกบส่วนประกอบอาหาร 2 ฝั่งเพื่อชมเชฟในขณะปรุงได้ ได้ขณะที่ทิศตะวันออก เป็นส่วนของห้องส่วนตัว 2 ห้องขนาดใหญ่และเล็กออกแบบด้วยคอนเซ็ปต์การเป็นห้องฝั่ง “คนเลี้ยงวัว” ที่ประกอบด้วยภาพบนผนังตามเรื่องเล่าในนิทาน และการออกแบบองค์ประกอบทั้งโคมไฟและเฟอร์นิเจอร์ที่สื่อถึงหนุ่มเลี้ยงวัวบนโลกมนุษย์ เช่นเดียวกับฝั่งตะวันตกที่เป็นส่วนของบาร์และเลานจ์แอลกอฮอล์ เป็นส่วนของ “หญิงทอผ้า” ที่มีการออกแบบองค์ประกอบต่างๆ ที่อิงจากสาวทอผ้าบนสรวงสวรรค์ ภาพรวมของร้านต้องการออกแบบเพื่อสื่อถึงความเป็นตะวันออกโดยเน้นไปที่ความโมเดิร์นของเมืองเซี่ยงไฮ้ในยุค Mid-Century ที่เต็มไปด้วยความหรูหรา ฟู่ฟ่าโดยเน้นสีเขียว เหลือง น้ำเงิน และการใช้โลหะที่ขับเน้นเอกลักษณ์ของร้านได้ชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์น่าจดจำ เจ้าของ […]

BURAPA EASTERN THAI CUISINE & BAR ร้านอาหารไทยในโบกี้รถไฟย้อนยุค

“บูรพา” ที่แปลว่าทิศตะวันออก เป็นที่มาของชื่อร้าน Burapa Eastern Thai Cuisine & Bar ที่เน้นการรังสรรค์เมนูอาหารที่ผสมผสานระหว่างภาคตะวันออกกับภาคเหนือ ในรูปแบบอาหาร Thai regional fine dining จากแนวคิดของเจ้าของร้านที่ต้องการเชื่อมพรมแดนของทั้ง 2 ภูมิภาคของไทยเข้าหากัน ผ่านการออกแบบร้านในตึกแถว 3 ชั้น เป็นเสมือนโบกี้รถไฟ ซึ่งคนทั้ง 2 ภูมิภาค ใช้นำวิถีชีวิตรวมถึงอาหารของพวกเขา เดินทางเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่อย่างเมืองกรุงเทพฯ เป็นตัวกำหนดทิศทางการออกแบบร้าน Burapa Eastern Thai Cuisine & Bar โดยมีคอนเซ็ปต์การทำโบกี้รถไฟแบบที่ย้อนไปสู่ยุคแรก ๆ ที่คนสยามพึ่งพารถไฟเพื่อเดินทางเข้าสู่เมืองหลวง อย่างในยุครัชกาลที่ 5 แต่ในรูปแบบที่หรูหราขึ้น หรือเป็นโบกี้รถไฟสำหรับท่องเที่ยวของคนชั้นสูง แบบที่อาจไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้สัมผัส ภาพลักษณ์ของร้านจึงอ้างอิงไปสู่ศิลปะและองค์ประกอบการตกแต่งในแบบ Art Deco ตอนช่วงราวต้นศตวรรษที่ 20 ที่โดดเด่นที่การใช้โลหะ และเส้นสายที่ดูวิจิตรซึ่งการตกแต่งในร้านแบ่งออกเป็น 3 แบบแตกต่างกันไปตามการใช้งานในแต่ละชั้น เริ่มจากชั้น 1 เป็นบาร์และส่วนรับประทานอาหารกลางแจ้งใช้สีน้ำเงินเป็นหลัก เมื่อขึ้นมาชั้น […]

LENNON’S บาร์ลับย่านเพลินจิตกลิ่นอายย้อนยุคบนชั้นสูงสุดของโรงแรม ROSEWOOD BANGKOK

LENNON’S ตั้งอยู่บนชั้นบนสุดของโรงแรมหรู Rosewood Bangkok ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากห้องบันทึกเสียงแบบโฮมสตูดิโอกับการตกแต่งที่พาย้อนไปสู่ยุค Vienna Secession หรือยุคของงานศิลปะที่แสดงความรุ่มรวยและฟู่ฟ่าของสังคมยุคปลายศตวรรษที่ 19 บาร์ลับย่านเพลินจิต แห่งนี้ โดดเด่นทั้งการตกแต่งและล้นไปด้วยแผ่นเสียงไวนิล ที่ใช้เปิดในร้าน “Lennon’s” และใช้โชว์ตกแต่งไปในตัว นับรวมกันแล้วมีมากกว่า 6,000 แผ่น นับตั้งแต่ทางเข้าจากโถงลิฟต์ ซึ่งจะพบกับโซนโชว์และจำหน่ายแผ่นเสียงจำนวนนับไม่ถ้วนสำหรับเป็นส่วนต้อนรับ ก่อนจะนำเข้าสู่ตัวบาร์ที่โดดเด่นด้วยผนังกระจกเผยทัศนียภาพของเมืองกรุงเทพฯ อย่างเต็มตา พื้นที่บาร์ตกแต่งอย่างหรูหรา ด้วยการเน้นองค์ประกอบของแสงไฟตามแบบอย่างการออกแบบตกแต่งในยุค Vienna Secession รวมถึงการใช้ทองเหลือง ไม้วอลนัท และหินอ่อนสีเทาที่กลมกลืนและสร้างบรรยากาศชวนสนุก พื้นที่นั่งแบบเลานจ์สำหรับกลุ่มเพื่อนถูกแบ่งเป็น 2 ฝั่ง กรุพื้นด้วยไม้สีเข้ม กรุผนังด้วยผ้าบุสีชมพูอ่อน และองค์ประกอบการตกแต่งที่ได้แรงบันดาลใจจากบรรดาเครื่องดนตรีทองเหลือง ในที่นี้ จะพบบันไดเวียนโลหะสีดำที่ตกแต่งโดยรอบด้วยศิลปะแบบ Vienna Secessionที่นำไปสู่ห้องเลานจ์สำหรับสูบบุหรี่ โดยรวมแล้วที่นี่ถูกออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากความเฟื่องฟูของยุควินเทจ และแรงบันดาลใจจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง ที่ปรากฏทั้งเป็นองค์ประกอบตกแต่งทั่วร้าน และเป็นแรงบันดาลใจให้กับการออกแบบโคมไฟและแสง ที่เป็นส่วนประกอบหลักของที่แห่งนี้ก็ว่าได้ เจ้าของ: Rende Development Co., Ltd. ออกแบบ: AvroKO ภาพ : Owen Reggett […]

HS HOUSE รีโนเวตบ้านทาวน์โฮม ด้วยไอเดียกลาสเฮ้าส์และคอร์ตยาร์ดแก้ปัญหาพื้นที่ไม่ให้มืดทึบ

รีโนเวทบ้านทาวน์โฮม ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Ahmedabad ในประเทศอินเดีย ซึ่งมีปัญหาความอุดอู้ไม่น่าอยู่ และช่องแสงที่ไม่เพียงพอ ให้กลายเป็นบ้านที่โดดเด่นด้วยการออกแบบพื้นที่เพดานเหนือช่องบันไดให้มีลักษณะคล้ายกลาสเฮ้าส์ รวมถึงใช้แผ่นผนังคอนกรีตสำเร็จรูปเพื่อลดต้นทุน ลดความเคร่งขรึมด้วยมุมคอร์ตยาร์ดสีเขียวกลางบ้าน ผสมกับดีเทลงานตกแต่งจากไม้ดูอบอุ่น จากข้อจำกัดของสถานที่ที่จะต้องใช้ผนังด้านข้างร่วมกับบ้านหลังอื่น มีเพียงผนังด้านหน้าและหลังเท่านั้นที่สามารถเจาะช่องแสงได้ ซึ่งนั่นอาจยังไม่เพียงพอ สถาปนิกจากบริษัท Studio Saransh จึงเล็งเห็นความสำคัญของการเปิดพื้นที่ ในการ รีโนเวทบ้านทาวน์โฮม หลังนี้ เพื่อนำแสงสว่างมาสู่บ้าน ด้วยการออกแบบให้มีคอร์ตยาร์ดอยู่ตรงกลางช่องบันได ส่วนด้านบนได้เจาะพื้นชั้นดาดฟ้าออก แล้วต่อเติมโครงสร้างเหล็กกรุกระจก ครอบเหนือช่องบันไดไว้ ให้เหมือนกับเป็นกลาสเฮ้าส์ แสงจากด้านบนจึงสามารถส่องลงมาถึงชั้นล่างได้อย่างทั่วถึง มู้ดแอนด์โทนของบรรยากาศภายในบ้าน เน้นความเรียบนิ่งด้วยวัสดุโชว์พื้นผิวอย่าง แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป ซึ่งมีโทนสีเทา-ดำ และใช้หิน Kota หรือหินชนวนในการปูพื้น ผสมผสานกับดีเทลงานตกแต่งไม้ในส่วนต่าง ๆ เช่น กรอบหน้าต่าง บานเปิด-ปิดตู้บิลท์อิน และชุดเฟอร์นิเจอร์ไม้ ซึ่งมีสีน้ำตาลดูตัดกันกับสีเข้มขรึมของคอนกรีต ขณะที่บันไดที่ทำหน้าที่เชื่อมกล่องอาคารด้านหน้าและหลังเข้าด้วยกัน ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบหลักของบ้าน ทำจากโครงเหล็กสีดำ ก่อนจะปูทับด้วยไม้บนลูกนอน ช่วยเพิ่มความนุ่มนวลเวลาเดินเท้าเปล่า เมื่อเดินเข้ามาในบ้านจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศปลอดโปร่งและมุมพักผ่อนรับแขกที่เปิดประตูบานเลื่อนออกสู่สวนหลังบ้านได้ ชั้นต่อมาออกแบบเป็นส่วนครัว และมุมรับประทานอาหาร พร้อมระเบียงกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่เปิดออกสู่ระเบียงหน้าบ้าน ถัดมาเป็นชั้นของห้องนอนส่วนตัว ซึ่งคุมโทนและบรรยากาศเช่นเดียวกับส่วนอื่น ๆ ของบ้าน แต่มีลูกเล่นด้วยลวดลายเส้นทองเหลืองบนแผ่นคอนกรีต ให้กลิ่นอายหรูหรานิด ๆ […]

บ้านเหล็กลอนลูกฟูก ทุนสร้างต่ำ สำหรับคนที่อยากกลับไปอยู่ชนบท

บ้านชนบท ดีไซน์โมเดิร์นทรงกล่องลุคเรียบง่าย ที่มาพร้อมกับโจทย์ด้านงบประมาณที่ไม่สูง พร้อมความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ตั้งและสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของเวียดนาม นี่คือโปรเจ็กต์งานออกแบบโดย H&P Architects กับการสร้าง บ้านชนบท ของคนรุ่นใหม่ที่อยากหันกลับไปใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย เด่นด้วยการเลือกใช้วัสดุธรรมดาสามัญที่หาได้ง่ายและราคาไม่แพง ซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์โมเดิร์นดูทันสมัย แถมแอบสอดแทรกฟังก์ชันการใช้งานสนุก ๆ เพื่อให้การอยู่บ้านเป็นเรื่องไม่น่าเบื่อ ทั้งยังมาพร้อมคอนเซ็ปต์ด้านการใช้พลังงานที่ยั่งยืน บ้านขนาดสองชั้นหลังนี้ โครงสร้างเสาและคานทำจากเหล็กทั้งหลัง จึงใช้เวลาก่อสร้างแล้วเสร็จได้ไว ง่ายต่อการออกแบบพื้นที่เพิ่มเติมได้อีกในอนาคต ขณะที่ผนังอาคารชั้นนอกเด่นสะดุดตาด้วยแผ่นเหล็กลอนลูกฟูกทำสีขาวที่ผ่านการเคลือบผิวป้องกันสนิมมาอย่างดีแล้ว ช่วยให้บ้านมีลุคโมเดิร์นดูทันสมัย แต่กลับไม่ร้อนอย่างที่คิดไม่ว่าจะมาจากการออกแบบหลังคาให้เป็นทรงจั่ว เพื่อถ่ายเทความร้อนจากแสงอาทิตย์ ด้านใต้ซ้อนด้วยแผ่นฉนวนกันความร้อน และฝ้าธรรมชาติอย่างไม้ไผ่อีกชั้น จนกลายเป็นแพตเทิร์นตกแต่งเพดานบ้านไปในตัว ขณะที่ช่องเปิดอย่าง ประตู และหน้าต่าง ได้รับการออกแบบเป็นบานเหล็กแบบซี่เพื่อระบายอากาศ โดยมีชายคากันแดดเหนือช่องเปิดทุกบานไม่ให้ส่องเข้าสู่พื้นที่ภายในโดยตรง จึงช่วยให้บ้านเย็นสบายและปลอดโปร่งตลอดวันช่วยให้บ้านเย็นสบายและปลอดโปร่งตลอดวันส่วนงานออกแบบตกแต่งภายใน ผนังกรุด้วยอิฐดินเผาวัสดุหาง่ายในท้องถิ่น ทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อนให้แก่บ้าน ซึ่งเข้ากันดีกับเหล่าเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบลอยตัว ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างยืดหยุ่น เมื่อต้องการใช้พื้นที่แบบโล่งกว้างสำหรับจัดกิจกรรมต่าง ๆเมื่อขึ้นมาที่ชั้น 2 ของบ้าน จะพบกับไฮไลท์อย่างเปลตาข่ายที่ขึงไว้อย่างแน่นหนาสำหรับไว้ใช้นั่งหรือนอนเล่น นอกจากจะสร้างประสบการณ์การใช้งานที่สนุกไม่น่าเบื่อแล้ว ยังเป็นการช่วยลดความอึดอัดของพื้นที่ใช้งานระหว่างชั้น 1 กับชั้น 2 ซึ่งชั้นบนนี้ได้รับการออกแบบสเปซแบบโอเพ่นแปลน มีเพียงตู้เสื้อผ้าทำหน้าที่เป็นตัวกั้นเตียงนอนให้ดูเป็นสัดส่วนเท่านั้นความน่าสนใจของบ้านไม่เพียงเป็นการออกแบบที่ดูเรียบง่ายเอาใจคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังมาพร้อมแนวคิดในการใช้พลังงานแบบยั่งยืน เห็นได้จากการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไปที่ใช้ในครัวเรือน โดยปริมาณไฟฟ้าที่เหลือจะถูกจัดเก็บหรือขายต่อได้ นอกจากนั้นยังมีรางระบายน้ำฝนเพื่อกักเก็บน้ำไว้ในแท็งก์ สำหรับไว้ใช้รดต้นไม้และแปลงผักรอบ ๆ บ้าน […]

HOTEL SOU โรงแรมญี่ปุ่นสไตล์ลอฟต์ เล่าความเท่ผ่านเปลือกอาคารที่(ดู)รกร้าง

รีโนเวตตึกแถวเก่า ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 บนเกาะฟุกุเอะทางตะวันตกของจังหวัดนะงะซะกิ ประเทศญี่ปุ่น ให้กลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง พร้อมรูปลักษณ์ที่ชวนฉงนว่าที่นี่คือตึกร้างที่เพิ่งโดนทุบ! หรือโรงแรมดีไซน์เท่กันแน่? hotel sou จากบริบทของที่ตั้งของ hotel sou ซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ มีความเจริญรุ่งเรืองจากการผสมผสานของวัฒนธรรมต่างชาติที่หลากหลายผ่านการค้าขายมาตั้งแต่สมัยโบราณ กระทั่งถึงปัจจุบันก็ยังรายล้อมไปด้วยร้านกาแฟ ร้านอาหาร ถนนสายช้อปปิ้ง และอยู่ใกล้กับท่าเรือ ศักยภาพดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการรีโนเวตโรงแรมขนาด 3 ชั้น เพื่อเปิดบริการใหม่ โดยยกให้เป็นหน้าที่ของทีมสถาปนิกจาก SUPPOSE DESIGN OFFICE กับแนวคิดที่ไม่ได้ต้องการสร้างสิ่งใหม่ แต่ต้องการให้อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนกับสิ่งที่มีอยู่ตัวอาคารด้านนอกของ ทุกคนจะได้สะดุดตากับภาพตึกสีเทาที่ถูกทุบผนังด้านหน้าออกจนเกือบหมด เหลือเพียงขอบผนังปูนที่เป็นซุ้มโค้งเผยให้เห็นเลเยอร์แบบดิบ ๆ ก่อนจะใส่บานหน้าต่างกระจกใสขนาดใหญ่ซ้อนทับอีกชั้น ลดความดิบกระด้างของโครงสร้างคอนกรีต ด้วยสวนริมระเบียงที่บริเวณห้องพักชั้น 2 – 3 ที่เน้นปลูกพรรณไม้นานาชนิดแบบเหมือนไม่ตั้งใจ ดูผสมผสานกันราวกับขึ้นเองตามธรรมชาติเมื่อเข้ามาด้านใน แต่ละห้องพักของที่นี่ซึ่งมีทั้งหมด 3 ประเภท คือ ห้องพักแบบสวีท ห้องพักแบบเตียงเดี่ยว และห้องพักแบบแฟมิลี่รูม โดยแขกจะสัมผัสได้กับบรรยากาศเรียบนิ่งจากคอนกรีตเปลือยไร้การปรุงแต่ง แต่อบอุ่นเป็นกันเองจากเหล่าเฟอร์นิเจอร์ไม้โทนสีอ่อนจับคู่กับงานจักสานวัสดุธรรมชาติที่ดูสว่างละมุนตาลดความอับทึบของอาคารลักษณะตึกแถว ด้วยการออกแบบภายในให้โปร่งโล่งจากการทุบผนังออกทั้งด้านหน้าและหลัง อันเป็นการเบลอขอบเขตระหว่างภายในกับภายนอก ที่ยอมแสงและอากาศให้หมุนเวียนถ่ายเทได้สะดวกอีกทั้งในแต่ละห้องพักยังจัดให้มีมุมสวนริมระเบียง ซึ่งเป็นพรรณไม้ที่พบทั่วไปในพื้นที่ […]

NANA COFFEE ROASTER ARI ดื่มด่ำกาแฟ อาบอุ่นด้วยแสง และธรรมชาติกลางใจเมือง

เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว กับคาเฟ่สาขาใหม่ล่าสุด NANA Coffee Roaster Ari ภายใต้แบรนด์กาแฟคุณภาพ อย่าง NANA Coffee Roaster โดยครั้งนี้ขอมาบุกดินแดนแห่งคาเฟ่อย่างย่านอารีย์ ด้วยคอนเซ็ปต์ที่อยากให้คุณแวะมานั่งชิล ๆ ดื่มด่ำกับกาแฟ ชมสวนสวย ๆ แบบไม่ต้องเร่งรีบ พร้อมมุมถ่ายรูปเพียบ บอกเลยมาครั้งเดียวไม่พอ! สิ่งที่อบอุ่นไม่แพ้ไปกว่าแก้วกาแฟในมือ เห็นจะเป็นบรรยากาศสไตล์โฮมมี่ของที่นี่นี่แหละ ซึ่งเกิดขึ้นจากการรีโนเวตบ้านเก่ายุค Mid-Century อายุกว่า 50 ปี ภายในซอยอารีย์ ให้ยังคงโครงสร้างและดีเทลของงานออกแบบยุคเก่าเอาไว้ เพื่อทำหน้าแบบเหนือกาลเวลา ผสานไปกับงานดีไซน์ยุคใหม่ กลายเป็นส่วนผสมของงานการออกแบบที่กลมกล่อม ออกแบบโดยคุณโต – ศุภรัตน์ ชินะถาวร จาก party/space/design จากความต้องการของคุณฝ้าย – นันท์นภัส มัลลิกะมาลย์ ผู้หลงใหลการดื่มกาแฟ และเป็นแฟนตัวจริงของ NANA Coffee Roaster เมื่อตัดสินใจจะเปิดคาเฟ่กับครอบครัว เธอจึงเลือกแบรนด์ NANA แล้วเปิดสาขาใหม่นี้ขึ้นที่อารีย์ ซอย 4  ซึ่งเป็นสาขาต่อเนื่องมาจาก NANA […]