kungsadal54120@gmail.com, Author at room

พาส่องผลิตภัณฑ์ดีไซน์เก๋ แถมยังดีต่อโลกที่ SX2025

แค่ช้อป! ก็ช่วยโลกได้ กับโซน SX MARKETPLACE รวมสินค้าดีไซน์สุดชิคช่วยโลกที่มีมากด้วยกันถึง 4 หมวดสินค้าที่ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตผลจากภูมิปัญญาดั้งเดิมไปจนถึงนวัตกรรมสำหรับคนเมืองและคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมในงาน Sustainability Expo 2025 ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน – 5 ตุลาคม 2568 Empower Local Communities งานฝีมือและผลิตภัณฑ์จากชุมชนทั่วไทย สนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก พร้อมส่งต่อคุณค่าสู่ชีวิตประจำวันของผู้บริโภค แฟชั่นไอเท็มที่นอกจากแสดงถึงความตระหนักในสิ่งแวดล้อมของแบรนด์ TANEE SIAM ผู้มากับความตั้งใจในการลดขยะจากลำต้นกล้วยตานีของชุมชน ด้วยการแปรรูปสู่ผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าแล้ว ยังสะท้อนถึงการต่อยอดงานฝีมือของช่างไทยที่ได้ทำงานร่วมกับวัสดุทางเลือกและความคิดสร้างสรรค์ของแบรนด์ ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจโลกและใส่ใจชุมชนด้วย จากของใช้ในพิธีมงคลภาคเหนือที่ผู้คนเรียกกันว่า “หมอนปล่อง” ที่นานครั้งจะถูกใช้งานก่อนจะเก็บรักษาไว้ในตู้เก็บของ ได้รับการต่อยอดภูมิปัญญาด้วยช่างฝีมือในวัย 75 ปี ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ของฝากที่น่าสะสมและน่าใช้งาน ด้วยการคงรูปลักษณ์ของหมอนปล่องที่มีรูไว้ระบายความชื้นแบบดั้งเดิม แล้วปรับเปลี่ยนรูปทรงและขนาดให้หลากหลาย ร่วมกับการใช้วัสดุให้ดูมีสีสันสวยงาม มองแล้วดูน่าสะสมและน่าใช้งานอย่างไม่รู้สึกเคอะเขิน เสื้อคลุมผ้าฝ้ายคอลเล็กชั่นสุดพิเศษนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่างแบรนด์ NATARADA COTTON ร่วมมือกับสาขาวิชาแฟชั่นดีไซน์ วิทยาลัยการออกแบบ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่นำเสนอเครื่องแต่งกายสำหรับ “Creative Young Designers 2025” ภายใต้โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย โดย eisa, […]

คัดสรรกิจกรรมเพื่อโลกน่าอยู่และยั่งยืน ที่ GATHERING SPACE ในงาน Sustainability Expo

แจกหมุดกิจกรรมรวมตัวชวนคิดเพื่อสังคมที่ยั่งยืนตลอดทั้งงาน! ใน Sustainability Expo 2025 ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน – 5 ตุลาคม 2568 จัดเต็มเสวนาสร้างสรรค์ชวนขบคิด พร้อมกิจกรรมเวิร์กชอปที่อยากชวนคุณมาลงมือทำจริงเพื่อสังคมยั่งยืนแบบไม่มีกั๊ก! สำหรับ Sustainability Expo 2025 ที่ปีนี้ได้วนกลับมาภายใต้แนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” อันส่งเสริมและสนับสนุนให้เหล่านักขับเคลื่อนสังคมได้มาร่วมกันถกถาม ชวนคิด แลกเปลี่ยนไอเดีย และลงมือพัฒนาสังคมที่ดีขึ้นและยั่งยืนในโซน BETTER COMMUNITY ณ GATHERING SPACE ตลอดทั้งวัน [Fireside Chat] เครือข่ายนักสร้าง Inclusive Lifestyle บทสนทนาที่ชวนทุกคนมาร่วมออกแบบสังคมที่คนพิการและไม่พิการใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ (organic connection) พร้อมสร้างกิจกรรมใหม่ ๆ ที่เกิดจากการลงมือร่วมกัน ผ่านการชวนคิดเกี่ยวกับวิธีสร้าง ‘ชุมชนที่ห่วงใยและดูแลกัน’ ที่เกิดขึ้นเอง เน้นปลูกฝังงแนวคิดถึงการมองว่าทุกคนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนชุมชน วิทยากร• คุณนวคุณ พจน์ชพรกุล (มูลนิธิด้วยกัน เพื่อคนพิการและสังคม)• คุณอานันท์ ฉันทันต์ (ผู้ใช้วีลแชร์) […]

The Nest บ้านทรงต้นไม้ ท่ามกลางธรรมชาติของคุ้งบางกระเจ้า

The Nest บ้านทรงต้นไม้ที่เชื่อมต่อเส้นสายโค้งเว้ากลายเป็นอาคารโปร่งเบา กลมกลืนกับภูมิทัศน์ของคุ้งบางกระเจ้าแห่งนี้ โอบล้อมให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ เหนือเนินดินของพื้นที่ 400 ตารางเมตร ตัวบ้านหลากรูปทรงเรขาคณิตวางต่อกันคล้ายรังนกบนต้นไม้ ผลงานการออกแบบของ The Collective Studio อันเกิดจากการตีความจากภูมิทัศน์ที่ตั้งของบ้านทรงต้นไม้ซึ่งรายล้อมด้วยแม่น้ำและธรรมชาติสีเขียว โดยใช้การออกแบบเส้นโค้งเป็นองค์ประกอบหลัก เปิดให้ลมเคลื่อนผ่านและเชื่อมต่อเป็นรูปทรงที่ยืดสูงบนเนินดินอย่างโดดเด่น ในขณะเดียวกัน ก็ลื่นไหลและนุ่มนวลผสานไปกับธรรมชาติของที่ตั้งให้คนได้ใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติในทุก ๆ ส่วนของอาคาร ผู้ออกแบบใช้เทคนิคการไล่ระดับจากหน้าบ้านไปยังอาคารด้านใน โดยใช้ที่ตั้งซึ่งเป็นเนินดินบริเวณโรงจอดข้างบ้านเป็นเส้นนำสายตาสู่ทางเข้าหลัก โดยพื้นที่แรกที่พบจะเป็นโถงทางเดินชั้น 1 เชื่อมพื้นที่การใช้งานในบ้านเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งตะวันออกให้เป็นพื้นที่พักผ่อนในลักษณะ Open Plan มีเคาน์เตอร์บาร์เชื่อมกับโซนรับประทานอาหาร สามารถชมวิวต้นไม้ได้จากระเบียง และฝั่งตะวันตกประกอบด้วยห้องครัวและห้องน้ำ โดยมีระเบียงไม้ด้านหลังเป็นพื้นที่สันทนาการเปิดโล่งรับสวนธรรมชาติและสระว่ายน้ำให้สมาชิกได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ในขณะเดียวกัน พื้นที่ส่วนตัวในชั้นบน ประกอบด้วยห้องนอนทั้งในฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก ก็กรุด้วยกระจกโค้งยาวต้อนรับวิวธรรมชาติจากสวนและแม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกับห้องอื่น ๆ ของบ้าน อาคารรูปทรงโค้งเว้าได้รับการกรุด้วยกระจกเพื่อเปิดรับทิวทัศน์ทั้งฝั่งริมแม่น้ำและต้นไม้โดยรอบ พร้อมการตกแต่งเสริมด้วยระแนงอลูมิเนียมลายไม้สำหรับบังแดด ก็เสริมมิติให้อาคารดูโปร่งเบาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับบริบท นอกจากรูปทรงเรขาคณิตที่สร้างความโดดเด่นให้แก่ภายนอกแล้ว โถงบันไดเวียนทรงกระบอก 2 ฝั่งที่ใช้สัญจรทั้ง 3 ชั้น ก็ทำให้การตกแต่งภายในมีเอกลักษณ์จากการบิดแกนโค้งไปตามฟอร์มของบ้านที่เป็นทรงกระบอก พื้นที่นี้เชื่อมทิวทัศน์ภายนอกและดึงแสงธรรมชาติให้ภายในปลอดโปร่งด้วยกระจกโค้ง ต้อนรับภูมิทัศน์ของพื้นที่สีเขียว อันเป็นพื้นที่ให้ลมและวิวธรรมชาติสานสัมพันธ์กับคนในบ้านไปพร้อม ๆ […]

Nam House บ้านอิฐเย็นสบาย ด้วยสเปซช่วยดึงลมธรรมชาติ

Nam House บ้านอิฐสี่เหลี่ยมในสภาพอากาศร้อนชื้นของเมืองโฮจิมินห์ ที่อยู่สบายด้วยการใช้วัสดุอิฐ เสริมด้วยสเปซช่วยดึงลมธรรมชาติ บ้านอิฐชั้นเดียวบนพื้นที่ใช้สอย 180 ตารางเมตรหลังนี้ ได้รับการออกแบบโดย CTA (Creative Architects) สถาปนิกจากเวียดนาม เพื่อให้ตอบสนองต่อสภาพอากาศของเมืองโฮจิมินห์ ซึ่งมีแนวโน้มว่าอุณหภูมิจะสูงกว่า 8 – 11 องศาเซลเซียสเมื่อเทียบกับพื้นที่ชนบท นำมาสู่การออกแบบบ้านหลังนี้เพื่อรองรับกับสภาพอากาศดังกล่าวให้ผู้อาศัยได้อยู่สบาย และมีส่วนเชื่อมต่อกับบ้านของแม่ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน มีแนวคิดหลัก คือ การเลือกอิฐดินเผามาเป็นวัสดุหลักที่ใช้เป็นกรอบอาคาร แล้วออกแบบผังให้ปรับตัวไปตามทิศทางของแสงอาทิตย์ในแต่ละช่วง เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับอากาศร้อน ก้อนอิฐดินเผาวางก่อเชื่อมต่อกันกลายเป็นบ้านอิฐที่มีพื้นที่แบ่งออกเป็น 3 บล็อก ตรงกลางเป็นพื้นที่ส่วนรวมประกอบด้วยห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร และห้องครัว โดยบล็อกกลางนี้มีการออกแบบผังให้เป็นโอเพ่นสเปซ มีช่องเปิดรับบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่นำพาอากาศเย็นสบายเข้ามาจากทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และช่วยให้มองเห็นบ้านของแม่ที่อยู่ติดกันด้วย จากบล็อกกลางนี้ ได้มีการเชื่อมสเปซกับบล็อกอีกสองฝั่ง ได้แก่ บล็อกหน้าเป็นทางเข้าตัวบ้านตรงกลาง ประกอบด้วยปีกซ้ายแยกเป็นโรงจอดรถ มีห้องนอนและห้องอ่านหนังสืออยู่ในปีกขวา ซึ่งเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยกำแพงหนา ส่วนบล็อกหลังเป็นพื้นที่ของห้องนอนอีก 2 ห้อง และห้องซักรีด จุดเด่นของบ้านอิฐ Nam House คือ โครงสร้างผนังอิฐหนา 250 มิลลิเมตรล้อมรอบอาคาร ซึ่งได้รับการออกแบบมาให้ช่วยกันความร้อนจากภายนอก โดยก่อผนังอิฐ […]

Sanctuary Villa บ้านโมเดิร์นเปิดโปร่งรับธรรมชาติ

Sanctuary Villa คือที่พักอาศัยของเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมในกรุงพนมเปญ ที่มีข้อจำกัดคือสถานที่ตั้งซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับพื้นที่โรงงานของตัวเอง จึงกลายเป็นโจทย์ที่ต้องการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อหลบเลี่ยงจากเขตโรงงาน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องให้มีพื้นที่เปิดออกสู่ธรรมชาติภายนอกเพื่อคุณภาพของการอยู่อาศัย จากโจทย์ดังกล่าว สถาปนิกจาก BLOOM Architecture ได้คลี่คลายและสร้างสรรค์ให้เป็นบ้านโมเดิร์นที่หลีกหนีจากความวุ่นวายของชีวิตการทำงาน เป็นเหมือนพื้นที่ซี่งตั้งอยู่ระหว่างเส้นแบ่งของโลกคู่ขนาน ตั้งใจออกแบบให้สมาชิกในบ้านรู้สึกเชื่อมโยงกับวิวธรรมชาติ แม้ที่ตั้งจะอยู่ใกล้เขตโรงงานก็ตาม ตัวอาคารมีขนาดพื้นที่ใช้สอย 600 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนเนินดินถมเตี้ย ๆ ปิดล้อมด้วยกำแพงให้แยกตัวจากโรงงานด้านหลัง ด้านหน้าได้รับการออกแบบให้เป็นพื้นที่ลานหญ้าและลานจอดรถไว้คั่นจังหวะก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน สถาปนิกตั้งใจสร้างบรรยากาศให้อยู่สบายและเป็นส่วนตัวแตกต่างจากบริบทภายนอก เน้นการใช้องค์ประกอบของบ้านดึงให้ธรรมชาติเข้ามามีส่วนร่วมกับการอยู่อาศัยให้มากที่สุด ตั้งแต่ห้องนั่งเล่นกลางบ้านที่เปิดโล่งเชื่อมต่อภายนอกด้วยประตูบานกระจกสูง สอดคล้องกับการออกแบบพื้นที่ภายในที่เน้นความยืดหยุ่นด้วยการจัดผังแบบโอเพ่นแปลน (Open Plan) เสริมคุณภาพการอยู่อาศัยด้วยแสงแดดที่ลอดผ่านกันสาดระแนงไม้ภายนอกที่ปกคลุมเฉลียงยื่นยาวต่อจากพื้นที่ส่วนกลาง ส่งผลให้เกิดลวดลายของแสงเงาเมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบบนพื้นคอนกรีตขัดมัน ปีกซ้ายและขวาของบ้านเป็นพื้นที่ส่วนตัว ออกแบบให้เป็นห้องนอนหลัก ห้องนอนแขก และห้องอเนกประสงค์ แต่ละห้องมีระเบียงยื่นออกมาเชื่อมกับพื้นที่สีเขียว นอกจากจะเป็นพื้นที่กลางแจ้งให้คนได้ผ่อนคลายแล้ว ยังเปิดโล่งเพื่อสัมผัสธรรมชาติและช่วยสร้างการไหลเวียนของลมในวันที่ไม่ได้ใช้งานเครื่องปรับอากาศ บ้านในชานเมืองของกรุงพนมเปญหลังนี้ จึงสะท้อนให้เห็นถึงที่อยู่อาศัยในบรรยากาศของธรรมชาติที่เป็นความพยายามสร้างบรรยากาศแห่งการพักผ่อนแยกขาดจากโรงงาน ทำให้บ้านซึ่งตั้งอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ทำงานกลายเป็นโลกอันแสนสงบของครอบครัว โดยมีธรรมชาติและงานออกแบบเป็นเครื่องมือนั่นเอง ออกแบบสถาปัตยกรรม: BLOOM Architectureออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม: Tropi-green Landscapingภาพ: Robert Kleinerเรียงเรียง: Kangsadan K. อ่านเพิ่มเติม ATELIER KAMPOT รีโนเวทตึกแถว กัมพูชา สไตล์โคโลเนียลทรุดโทรม […]

Rimkhobfa Bookstore & Black and Milk Café ร้านหนังสือพ่วงคาเฟ่รีโนเวตเพื่อคนรักการอ่าน

Rimkhobfa Bookstore & Black and Milk Café ร้านหนังสือสแตนด์อโลนพร้อมคาเฟ่ในตัวแห่งย่านบางพลัด เกิดจากอาคารเก่าที่ได้รับการชุบชีวิตกลับมาให้เป็นบ้านแสนอบอุ่นแก่หนอนหนังสือ พร้อมร้อยเรียงเรื่องราวของกาแฟควบคู่ไปกับการอ่าน เพื่อดึงดูดนักอ่านรุ่นใหม่ในเวลาเดียวกัน DESIGNER DIRECTORYออกแบบ: BodinChapa Architects ร้านหนังสือริมขอบฟ้า คือแหล่งรวมหนังสือเนื้อหาเข้มข้นเรื่องเมืองไทยอันเป็นที่คุ้นเคยของนักอ่านอยู่แต่เดิม อดีตร้านซึ่งตั้งอยู่บนถนนราชดำเนินได้ย้ายทำเลใหม่มายังย่านบางพลัด ในอาคารเก่ารีโนเวตใหม่ให้เล่าถึงแก่นของ “ริมขอบฟ้า” จากมุมของคู่หูนักออกแบบแห่ง BodinChapa Architects ที่ได้รับโจทย์มาสื่อสารให้ร้านกลายเป็นพื้นที่ของนักอ่านสอดแทรกคาเฟ่ให้คนรุ่นใหม่แวะมาเลือกหนังสือและนั่งจิบกาแฟในบรรยากาศเป็นกันเอง อาคาร 3 ชั้น แห่งนี้ อดีตเคยเป็นสำนักงานหลายฟังก์ชันมีทำเลอยู่ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ ในตำแหน่งที่เป็นจุดอับสายตาจากสะพานข้ามแยก ต่อมาได้รับการปรับปรุงโดยเน้นให้ภายในโปร่งโล่งจากแสงธรรมชาติที่ดึงผ่านช่องเปิดต่าง ๆ เปลี่ยนภาพลักษณ์จากอาคารทึบสู่ภาพลักษณ์คล้ายบ้าน พร้อมร้านกาแฟในตัว ภายในจึงอบอวลไปด้วยกลิ่นหนังสือและกาแฟ การรีโนเวตเริ่มจากการทุบพื้นชั้น 2 ของอาคารออกบางส่วน และขยายให้พื้นที่ชั้น 1 มีสเปซมากขึ้นเพื่อลดความแออัด จากนั้นกั้นพื้นที่ให้เป็นร้านหนังสือและคาเฟ่ในสัดส่วนเท่า ๆ กัน เพื่อรองรับลูกค้าทั้งกลุ่มคนอ่านหนังสือและกลุ่มคนดื่มกาแฟ นอกจากนี้ พื้นที่ชั้น 2 แต่เดิมมีปัญหาฝ้าเพดานเตี้ยกว่าปกติ ได้แก้ไขด้วยการเปิดฝ้าเพดานเดิมออกให้เป็นโถงดับเบิลสเปซ พื้นที่ของชั้นนี้ใช้รองรับฟังก์ชันการใช้งานที่ยืดหยุ่นอย่างการจัดอีเวนต์และงานเสวนาได้ด้วย ในขณะเดียวกันก็เหลือสเปซอีกส่วนให้เพียงพอต่อการจัดเก็บหนังสือบนชั้นวางแบบถาวรของร้าน ส่วนพื้นที่ชั้น 3 จัดให้เป็นห้องประชุมอันมีหน้าต่างบานใหญ่ให้สามารถมองลงมายังชั้น 2 […]